Tuesday, 21 March 2023

รีวิวภาพยนตร์ Men of Plastic (2022) ตามสองหนุ่มอัพกูจองไปส่องศัลยกรรมพลาสติกอันลือลั่น

ภาพยนตร์ เรื่องแต่งที่สมจริง เล่าอิงคอมเมดี้แต่แฝงซีเรียส

เกี่ยวกับธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามอันเลื่องชื่อของเกาหลี

กับเรื่องราวของสองชายหนุ่มผู้หิวเงินกระหายความสำเร็จ โดย ‘มาดงซอก’ และ ‘จองคยองโฮ‘

ภาพยนตร์ Men of Plastic

Men of Plastic เป็น ภาพยนตร์ คอมเมดี้

บนท้องเรื่องของธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามแห่งเขตอัพกูจอง เขตคังนัม ที่เป็นที่รู้จักที่สุดของประเทศ
โดยมีตัวชูโรงของเรื่องเป็น ‘มาดงซอก‘ ที่พึ่งจะสร้างปรากฏการณ์หนังทำเงินสูงสุดไปเมื่อต้นปีจากเรื่อง The Roundup

ว่ากันแล้ว ผลตอบรับของ Men of Plastic นั้นบางทีอาจไม่ปังมากนักในประเทศเกาหลี คาดว่าอาจจะเป็นเพราะประเด็นเรื่องราวธุรกิจที่นำมาเล่า เป็นสิ่งที่รู้ ๆ กันมานานนมอยู่ในชีวิตคนเกาหลี ด้วยเรื่องความสวยความงามนั้นเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ เรียกได้ว่าสิ่งนี้แทบจะกลายเป็นของขวัญพื้นฐาน
ที่เมื่อจบการศึกษาที่พ่อแม่ต้องมอบให้ลูก เพื่อฯลฯทุนเสริมความมั่นใจในการก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน

นอกจากนี้ตัวหนังก็บางทีอาจขาดใจความสำคัญกินใจ กับมุกขำขันที่ไม่โดดแหวกจนโดนใจ แตกต่างจากหนังคอมเมดี้ที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมาอย่าง Extreme Job (2019) หรือ 6/45 (2022) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์ตลกนี่เป็นงานยากสุดละ
เนื่องจากขำของพวกเราอาจไม่ขำของผู้อื่น ขำอย่างไรให้สากล เข้าถึงได้แม้ว่าจะต่างบริบทต่างวัฒนธรรมกัน

แต่แต่สำหรับผู้ชมนอกประเทศเกาหลี ผู้เขียนมองเห็นมุมที่น่าสนใจไม่น้อย อันดับแรกเลยเป็น การเจาะลึกธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่คนไทยปัจจุบันติดตามแล้วก็ให้ความสนใจค่อนข้างจะมาก

Men of Plastic 2022

หนังเริ่มเรื่องที่ปี 2007 ในยุคต้น ๆ ที่เพิ่งจะคิดใช้มีดหมอมาเนรมิตความงาม

ต้องบอกก่อนว่าเนื้อหาของหนังเป็นเรื่องแต่งขึ้น แต่มั่นใจว่าอิงข้อเท็จจริงมาด้วยแหละ จึงเหมือนสะท้อนปัญหาหลากหลาย ได้แก่ แพทย์เก่ง ๆ ถูกใช้ให้เป็นเพียงหมอเงา หรือก็คือรับจ๊อบลงมือผ่าแทนด้วยค่าตอบแทนถูก ๆ โดยคนไข้ไม่รู้และถูกเรียกเก็บเงินแพง ๆ ส่วนผู้ครอบครองเงินทุนที่กล้าลุยกับธุรกิจใหม่ก็มักเป็นผู้มีเบื้องหลังการหาเงินที่ไม่สะอาดนัก ถึงกล้าพร้อมเสี่ยงได้ แล้วก็เมื่อลงทุนและย่อมมีเล่ห์กลในการฉกฉวยเงิน ดังเช่นว่า การใช้เวชภัณฑ์เถื่อนเพื่อลดทุนโดยไม่สนใจเรื่องจริยธรรม หรือการเน้นปั่นยอดจำหน่ายสูง ๆ
โดยไม่ได้เอาความต้องการที่ตามที่เป็นจริงของลูกค้าเป็นตัวตั้ง ขาดจรรยาบรรณความเป็นมีออาชีพที่ควรปฏิบัติ สมกับชื่อไทยของหนังที่ว่า ‘อัพกูจอง หลอกมาอัพ จัดมาลวง’

เรื่องราวเริ่มเมื่อ พัคจีอู (เล่นบทโดย จองคยองโฮ) หมอศัลยกรรมฝีมือยอดเยี่ยมแต่ดันเจอปัญหาหุ้นส่วนธุรกิจหักหลัง ต้องแบกรับความผิดแทน ทำให้ถูกระงับใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ไป 2 ปี แถมยังพ่วงหนี้สินก้อนโตติดตัวมาด้วย แต่การจองหองในศักดิ์ศรีและก็เลือกงาน ทำให้เขายังหาที่ลงตัวไม่ได้สักที ในขณะที่เจ้าหนี้นักเลงก็คอยตามติดทวงหนี้ให้หงุดหงิดใจ

เขาได้บังเอิญเจอกับ คังแทกุก (เล่นบทโดย มาดงซอก) คนพื้นเพอัพกูจองที่ไม่รู้จักที่มาจนกระทั่งดูเหมือนขาดความน่าเชื่อถือ แทกุกเอาแต่ป้วนเปี้ยนไปทั่วอัพกูจอง ด้วยร่างล่ำบึ้กในเสื้อผ้าลำลองชิล ๆ สีฉูดฉาดสะดุดตา (สื่อความอิสระนอกกรอบ) วางมาดคุยโม้น้ำไหลไฟดับในเรื่องเส้นสายรวมทั้งสกิลการเป็นตัวกลางเชื่อมธุรกิจให้เกิด เรียกว่าได้ความต้องการของ A รวมทั้ง B มาตัวต่อกันด้วยมือเปล่า

ไป ๆ มา ๆ คังแทกุก ก็สามารถใช้วาทศิลป์ร่วมกับกลเม็ดในการแก้ปัญหา ชักชวนให้ พัคจีอู วางใจร่วมทำธุรกิจกับเขาในฐานะหุ้นส่วน โดยมีนายทุนเป็นนักธุรกิจใหญ่ชาวจีนซึ่งบริหารงานผ่านอดีตนักเลงดังในพื้นที่ จีอูและแทกุกจึงราวกับตัวต่อที่ต่อกันได้ลงตัวพอดีกับนายทุนเช่นกัน

ภาพยนตร์

สิ่งที่เราจะได้เห็นตามมาก็คือ

ความไอเดียสุดเฉิดฉายของแทกุก ‘เล็ก ๆ ไม่..ใหญ่ๆต้องแทกุกเท่านั้น’ เป็นที่มาของ ศูนย์ศัลยกรรมความงามครบวงจรในอาคาร 15 ชั้นที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ความตลกร้ายของการบิดตำราการตลาดให้ Weird
ปนฮา ไม่ว่าจะเป็นการปรับสกิลพนักงาน, การเจาะลูกค้านักท่องเที่ยวจีน, แพ็กเกจเหมา ๆ สุดคุ้มยกเครื่องทั้งตัว, การโปรโมตสร้างแบรนด์ผ่านสื่อแมส ชวนเชื่อด้วยเทคนิค Before VS After บลา..บลา…บลา… แน่นอนว่าทุ่มครบ 4P/7P ขนาดนี้ ธุรกิจก็เลยรุ่งโรจน์สุดๆจนถึงทั้งสองแฮปปี้ กวาดเงินแล้วก็โกยความโด่งดังสมใจแบบสุด ๆ

ภาพยนตร์ เดินเรื่องในจังหวะคล่องแคล่วมาก

แว๊บเดียวก็เข้าสู่องก์ที่สาม จุดอ่อนของธุรกิจที่เกิดจากความโลภ การเสี่ยงเกินตัว และความไม่สุจริตในวิชาชีพ ที่สุมรวมกันเอาไว้ ในที่สุดก็ได้เวลาย้อนกลับมาเล่นงานตัวตั้งต้น ยิ่งอยู่ท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงแรดในวงการ จึงยิ่งง่อนแง่นทั้งยังธุรกิจและมิตรภาพรหว่าง แทกุก กับ จีอู อย่างเกินคาด

ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่สมน้ำสมเนื้อกับการหากินบนความงาม ‘พลาสติก’ ที่เล่นกับความปลอมรวมทั้งความลวง โดยเฉพาะด้านตัวผู้สร้างซึ่งไม่มีจรรยาบรรณ จนย้อนกลับมาทำให้ทั้งแทกุกและจีอูต้องพบเจอเรื่องลวงหลอกกลับเหมือนกัน วิกฤตนี้จะสาหัสขนาดไหน และก็พวกเขาจะได้สติฟันฝ่ารอดมาได้ไหมอย่างไร ต้องติดตามกันดู

ก็เสมือนจะพอสรุปได้ว่า ในด้านการสร้างธุรกิจให้เกิด หากมีไอเดียก็ต้องมีทุน มีคนเก่งก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพด้วย มีหุ้นส่วนดีคือมีชัยไปครึ่งหนึ่งละ และถ้าดูจบแบบอินตามในความสมจริง ก็เชื้อเชิญให้ตั้งคำถามขำ ๆ ว่า ‘ถ้าไม่ได้สองคู่หูที่บุกเบิกบ้าบิ่นนี้ ย่านอัพกูจองของเกาหลีจะพัฒนากลายเป็นขุมทองของ K-Beauty ที่โด่งดังน่าเชื่อถือไป
ทั่วทั้งโลกดังเช่นว่าทุกวันนี้ได้หรือไม่?’
นี่คือตลกร้ายที่ชักชวนขำที่สุดของเรื่องแล้ว เพราะส่วนตัวผู้เขียนว่ามุกตลกในเรื่องมันออกจะฝืด ๆ จืด ๆ ไปหน่อยนะ

สำหรับนักแสดง เว้นเสียแต่สองนักแสดงหลักอย่าง มาดงซอก และ จองคยองโฮ แล้ว ก็ยังเสริมทีมสมทบแล้วก็รับเชิญด้วย ทั้ง โอนารา, โอยอนซอ (สองโอนี้สวยกริ๊บมากทั้งคู่ กระทั่งอยากได้เบ้าไปผ่าตัดตามมั่ง ^^) ชเวบยองโม, กิลแฮยอน, ฮันโบรึม, จินซอนกยู แล้วก็ จองจีโซ